test วัดสันติธรรม : Santidham : นครเชียงใหม่

พระพุทธเจ้าตรัสสอนอะไร?

อะไรทำให้กาลเวลากว่า ๒๕๐๐ ปีล่วงมาแล้ว มิอาจพัดพาใบไม้กำมือเดียว ให้ปลิวหายไปกับสายลมได้ ...



แต่งโดย

อมรเทโว  ภิกขุ

phramahaamorntep@gmail.com


พระธรรม  คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น  ท่านประมวลไว้ได้  ๘๔,๐๐๐  พระธรรมขันธ์  ซึ่งมีมากมายมหาศาล  พระธรรมเหล่านั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสสั่งสอน    เพื่อโปรดเหล่าเวไนยสัตว์  ซึ่งมี   จริต   นิสัยใจคอ  กิเลสหนา หรือเบาบางไม่เท่ากัน  พระธรรมเหล่านั้นจึงมีความแตกต่างกัน  ที่เนื้อความ  แต่มีวัตถุประสงค์อันเดียวกัน  คือ  เพื่อขจัดเสียซึ่งกิเลสอันทำให้จิตใจเศร้าหมอง  เพื่อระงับดับซึ่งความทุกข์  และความเร่าร้อนภายในจิตใจของสัตว์โลก  เมื่อกล่าวโดยประมวลวัตถุประสงค์แห่งการแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว   นั้นก็เพื่อประโยชน์  ๓  อย่างคือ  เพื่อความสุขในปัจจุบัน  เพื่อความเป็นสุขในโลกหน้าหลังจากละโลกนี้ไปแล้ว  และเพื่อความสุขอย่างนิรันดร์คือความสุขที่ไม่กลับมาทุกข์อีกแล้ว

ธรรม  ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนนั้นเป็นความจริงของชีวิต  ที่ใคร ๆ  ก็เห็นกันอยู่ทุกวัน  และอยู่กับชีวิตประจำวันของมนุษย์และสัตว์ทุกตน  ถามว่าทำไมเราและสัตว์ทั้งหลายจึงไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ทั้ง ๆ ที่เราเห็นความจริงนั้น ๆ  อยู่เป็นประจำทุกวัน  นั่นก็เพราะว่า  พวกเรานั้นเห็นอย่างไร้การพิจารณาไตร่ตรอง  เพราะว่าจิตของเรานั้นถูกครอบงำด้วยอารมณ์ต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา  ไม่สงบนิ่ง  และสติความรู้ตัวก็อ่อนแอ  เพราะไม่เคยได้รับการฝึกฝนให้แก่กล้า

พระพุทธองค์จึงมาตรัสสอนสัตว์ทั้งหลายว่า  ท่านทั้งหลายจงมาดูความจริงของชีวิต  คือ  ความเกิด  ความแก่  ความเจ็บ  ความตาย  ความประสบในสิ่งที่ไม่ชอบใจ  ความพลัดพรากจากสิ่งที่ชอบใจ  ความทุกข์โทมนัส  แห้งเหี่ยวทางใจ   สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเป็นสภาวะที่ทนได้ยาก เรียกว่า เป็นทุกข์  ให้ท่านทั้งหลายจงทำหน้าที่รู้ทุกข์เหล่านี้ให้แจ้งชัดแก่ใจของตน 

จากนั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่า  ความอยากได้  ความอยากมี  ความอยากเป็น  ความไม่อยากเป็น  เหล่านี้เป็นสาเหตุที่นำทุกข์  มาให้สัตว์ทั้งหลาย  ซึ่งเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องกำจัดความอยากเหล่านี้ให้สิ้นไปจากจิตใจของตนเอง

แล้วพระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสว่า  ถ้าหากสัตว์โลกสามารถขจัดความอยากออกจากจิตใจได้โดยไม่เหลือแม้เพียงเศษธุลี   ความดับแห่งความทุกข์ทั้งปวง  ก็จะปรากฏ  ความดับแห่งทุกข์นี้เป็นของมีอยู่จริง  ซึ่งเราท่านทั้งหลายจะต้องกระทำให้แจ้งภายในใจของตน

ท้ายที่สุดพระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสบอกวิธีการที่จะปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์นี้   ซึ่งวิธีการปฏิบัตินี้พระองค์ทรงเปรียบกับหนทางที่จะนำสัตว์โลกไปสู่ความดับทุกข์  มีอยู่เพียงทางเดียว  คือทางสายกลางเท่านั้น  แต่ว่าทางนี้มีองค์ประกอบอยู่ แปดอย่าง  พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรียกว่า  มรรคมีองค์  ๘  ได้แก่  การมีความเห็นถูกต้อง  การมีความคิดที่ถูกต้อง   การมีวาจาที่ถูกต้อง  การทำการงานที่ถูกต้อง  การเลี้ยงชีพที่ถูกต้อง  การมีความเพียรพยายามที่ถูกต้อง  การระลึกรู้ตัวที่ถูกต้อง  การมีจิตที่ตั้งมั่นโดยถูกต้อง  หรือ จะกล่าวโดยย่อก็คือ  การปฏิบัติตาม  ศีล  สมาธิ  ปัญญา 

เมื่อใดก็ตามที่มรรคมีองค์  ๘  นั้นประชุมรวมตัวกันเป็นอันเดียวกัน   ซึ่งพระองค์ทรงเรียกว่า  มัคคสมังคี  เมื่อนั้นกิเลสคือความอยากทั้งหลายจะถูกทำลายไปด้วยปัญญาอันแหลมคมของผู้ปฏิบัติเอง  และความดับแห่งทุกข์ทั้งปวงจะปรากฏแจ้งแก่จิตของผู้ปฏิบัติ เมื่อนั้นผู้ปฏิบัติจะถึงซึ่งบรมสุขตลอดกาลนาน   เมื่อนั้นผู้นั้นจะประจักษ์แจ้งแก่ใจของตนเองว่า  การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่มีจริง  พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามีผลจริง        พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามพระพุทธเจ้า  ได้ถึงความดับสนิทแห่งทุกข์ตามพระพุทธองค์นั้นมีอยู่จริงในโลก

 

เพราะเหตุที่พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์เป็นสิ่งที่ผู้นับถือพระศาสนาของพระองค์สามารถปฏิบัติตามและเห็นผลได้จริง  พระธรรมคำสอนของพระองค์มีเหตุมีผล  เป็นปัจจุบันธรรมตลอดกาล  ทนต่อการพิสูจน์  นำสันติภาพความสงบสุขมาแก่โลกได้อย่างแท้จริง  พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์จึงยังคงสามารถดำรงอยู่มาจนถึงบัดนี้  และในกาลสมัยปัจจุบันก็ยังมีผู้สามารถปฏิบัติตามและรู้เห็นตามพระองค์ได้จริงอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย