พระป่าโดยสายเลือดและวิญญาณเขามุ่งปฏิบัติมาทุกยุคทุกสมัย
พระป่าหาใช่เพียงกิน ถ่าย นอน และนั่งหลับตาโดยมิได้ทำอะไรเลย
พระป่าอาจโง่ในสายตาของผู้ที่เขาไม่ได้ ปฏิบัติ นั่งหลับตาศึกษาสัจธรรม
พระป่าในเมืองไทยนี้นับแต่หลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่น พระบุพพาจารย์เจ้าเหล่านี้ล้วนแต่เรียนรู้คำสั่งสอนของพระศาสดาด้วยการปฏิบัติด้วยกันทั้งสิ้นและท่านก็สามารถรู้แจ้งในสัจธรรม จนสามารถยังประโยชน์ตนและผู้อื่นได้ พวกเธอจงจำไว้
...สติปัฏฐานนั้น เป็นฐานที่ตั้งของธรรม แต่ธรรมที่ท่านกล่าวไว้ในตำรับ ตำราแบบแผน นั่นเป็นโลกุตตระ เพราะฉะนั้นสติปัฏฐาน ที่ท่านแสดงไว้นั้น จึงเป็นโลกุตตรธรรม อันเราท่าน ทั้งหลายที่มานั่งกันอยู่ ณ บัดนี้ ยังเป็นโลกีย์ กาย วาจาใจยังเป็นโลกอยู่ เมื่อกาย วาจา ใจยังเป็นโลกอยู่ เราจะก้าวขึ้นหาโลกุตตระนั้น จำเป็นต้อง ปรับกาย ปรับวาจา และปรับใจ ของเราไปเป็นขั้นตอน...
...ใจคือตัวผู้นึกผู้คิด เอาความนึกความคิดนี้ ระลึกไปนึกคิดไปในวัตถุสิ่งนั้นจะนึกคิดว่ามันเป็น สิ่งๆหนึ่ง โดยไม่ต้องไปใช้ปัญญาพิจารณาเลยว่ามัน เป็นสิ่งๆ หนึ่งโดยไม่ต้องไปใช้ปัญญาพิจารณาเลยว่า มันเป็นอะไรมีลักษณะรูปร่างสีสัณฐานอย่างไรก็ไม่ต้อง ทั้งนั้น ไม่ต้องไปคำนึงถึงสีมันทีเรียกว่า วัณโณ ไม่ ต้องคำนึงถึงกลิ่นของมัน ไม่ต้องคำนึงถึงรสของมัน ไม่ต้องคำนึงถึงความซึบซาบใดๆ ของมัน เป็นแต่ว่าเอา ตัวผู้รู้นี้ไปรู้ไว้ที่ตัววัตถุสิ่งหนึ่ง ที่เรียกว่าเพ่ง ไว้กับวัตถุสิ่งหนึ่ง เพ่งสิ่งไปในกายของเรา เพ่งไว้ สิ่งหนึ่งแล้วก็ระลึกอยู่กับสิ่งๆ หนึ่งระลึกไปรู้ไป ระลึกไปรู้ไป อาศัยเวลาอยู่บ้างเมื่อเราระลึกนานเข้าๆ ตัวรู้กับตัวระลึกตัวนี้กับตัวเป้าที่เพ่งมันจะเด่น ขึ้น ชัดขึ้นๆ จนวางอารมณ์อื่นๆทั้งหมด...
|