|
|
|
|
ประวัติพระสุนทรธรรมากร (หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ)
(๒๔๕๘ ๒๕๔๖)
วัดธาตุมหาชัย อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม |
|
|
|
|
|
นามเดิม |
|
คำพัน ศรีสุวงค์ |
|
|
เกิด |
|
วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๘ |
|
|
บ้านเกิด |
|
บ้านหมู่ที่ ๔ ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม |
|
|
บิดามารดา |
|
นายเคน และนางล้อม ศรีสุวงค์ อาชีพทำนา |
|
|
พี่น้อง |
|
เป็นบุตรคนโต มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๒ คนและมีน้องร่วมมารดา |
|
|
|
แต่ต่างบิดากันอีก ๔ คน |
|
บรรพชา |
|
วันที่ ๗ กันยายน ๒๔๗๕ (อายุ ๑๗ปี) ที่วัดศรีบุญเรือง บ้านหนองหอย ต.นาแก |
|
|
|
|
อ.นาแก จ.นครพนม |
|
|
อุปสมบท |
|
พ.ศ. ๒๔๗๘ อายุ ๒๐ ปี ( ครั้งแรก ) ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๘ อายุ ๓๐ ปี |
|
|
|
|
ได้กลับเข้าอุปสมบทอีกครั้ง ที่วัดโพธิ์ชัย ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม |
|
เรื่องราวในชีวิต |
|
หลังจากได้บรรพชาแล้วก็ได้ศึกษาอักษรธรรม และหนังสือสูตรคาม แบบโบราณ |
|
|
ในขณะเดียวกันก็ได้ฝึกปฏิบัติกัมมัฎฐานควบคู่ไปด้วย หลังจากบรรพชาได้ ๓ พรรษา ได้ออกเดินธุดงค์ทรงกรดไปที่จังหวัดเลย พร้อมกับพระภิกษุ ๒ รูป ได้พบกับชีปะขาวคนหนึ่งและศึกษาแนวทางการปฎิบัติจากชีปะขาวอยู่ประมาณ ๓-๔ เดือน ก่อนหน้าที่จะได้ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานนั้น เคยได้รับความรู้เรื่องกัมมัฏฐานมาจาก พระอาจารย์เสาร์ ซึ่งท่านไปโปรดประชาชนที่วัดโพนเมือง ท่านอาจารย์เสาร์ได้ให้ข้อคิดอีกว่า ร่างกายของคนเรานั้น เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง มันทำงานอยู่ตลอดเวลา ลมหายใจเข้า-ออกนั้น มีความสำคัญมาก ถ้าลมไม่ทำงานคนเราจะตายทันที ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกำหนดลมหายใจ
หลวงปู่ได้ศึกษาภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติกับหลวงปู่เสาร์ประมาณ ๑ ปี หลังจากนั้นหลวงปู่คำพันธ์ ก็ได้นำเอาแนวทางการปฎิบัติของอาจารย์ทั้ง ๒ มาเป็นแนวทางปฎิบัติกัมมัฎฐาน
หลวงปู่ได้จำพรรษาอยู่ที่จังหวัดเลยเป็นเวลา ๑ ปี หลังจากนั้นได้เดินธุดงค์ไปยังจังหวัดเชียงรายประมาณ ๓-๔ เดือน โยมบิดาได้เสียชีวิตลง หลวงปู่จึงได้เดินทางกลับมาทำบุญงานศพบิดา และได้เดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆในเขตจังหวัดนครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองคายและข้ามไปฝั่งลาวประมาณ ๓-๔ เดือน แต่ไม่ได้จำพรรษา แต่กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านเดิมอยู่ประมาณ ๓ ปี และญาติโยชาวบ้านก็นิมนต์ท่านให้เข้ามาอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเพื่อโปรดญาติโยมชาวบ้านบ้าง หลังจากออกพรรษาแล้ว หลวงปู่ก็ออกเดินธุดงค์ต่อ จนอายุถึง ๔๐ ปี จึงหยุดเดินธุดงค์ แต่ก็พยายามศึกษาปฎิบัติธรรมกัมมัฎฐานมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
หลวงปู่เป็นพระมหาเถระ ที่มีอัธยาศัยใจคอกว้างขวาง เยือกเย็น มีความเมตตา กรุณาต่อศิษย์ ด้วยเหตุนี้หลวงปู่จึงเป็นที่เคารพนับถือของ ศิษยานุศิษย์และญาติโยมโดยทั่วไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้ว หลวงปู่ก็ยังเป็นพระเถระที่มีความตั้งใจมั่นคง หนักแน่นอีกด้วย โดยอุปนิสัยแล้ว หลวงปู่ท่านถือการ ปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นประจำนับตั้ง แต่อุปสมบทพรรษาแรก จนกระทั่งมรณภาพ |
มรณภาพ |
|
วันอาทิตย์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ น. ที่วัดธาตุมหาชัย |
|
|
อายุ ๘๘ ปี ๗๑ พรรษา |
ข้อมูลพิเศษ |
|
* สอบได้นักธรรมเอกแล้ว ได้พยายามศึกษาพิเศษ เช่น เรียนหนังสืออักษรธรรม |
|
|
อักษรขอมได้เป็นอย่างดี และยังทรงพระปาฎิโมกข์ได้อย่างแม่นยำ |
|
|
ธรรมโอวาท |
|
|
...ราคะความกำหนัดถ้าไม่คิดถี่ถ้วนแล้ว ก็เป็นของเย็นเพระความรักเย็นฉ่ำในจิตใจแต่เป็นของร้อนข้างในมันร้อนอยู่อย่างนั้นไม่เย็นได้ กิเลสทั้งหลายเป็นของร้อน นิพานเป็นของเย็น เป็นของเย็นจริงๆถ้าใครได้ลิ้มรสแห่งพระนิพพาน จะรู้สึกเองว่า พระนิพพานเป็นสิ่งที่เยือกเย็น อย่างนี้ไม่มีความเดือดร้อน ด้วยกิเลสสวธรรมด้วยรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสอะไร..
...บานชีวิตได้แก่ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บและวามตาย ชีวิตของเราทั้งหลายตั้งอยู่บนฐานอันนี้วึ่งเป็นของที่ไม่มีจีรังยั้งยืน เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร...
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|