กราบเบญจางคประดิษฐ์: การกราบอันเป็นการแสดงความเคารพ นอบน้อมต่อพระรัตนตรัย
การกราบพระนั้น หากทำด้วยใจที่ประณีตและเคารพนบน้อมสูงสุดแล้ว
สามารถสร้างพลังในทางกุศลและความสว่างในใจของเราได้มากกว่าที่คิดยิ่งนัก
ถ้าใครเคยอ่านหนังสือ "มีชีวิตที่คิดไม่ถึง" คงจะพอจำที่คุณดังตฤณเคยเขียนได้ว่า
การกราบพระปฏิมานั้น เรียกได้ว่าเป็น "โบนัส" ของเกมกรรมที่ทำแต้มบวกกันได้ง่าย ๆ เลย
การกราบไหว้นั้น ถือเป็นการน้อมกายน้อมใจลงสู่อาการเคารพสูงสุด ซึ่งก็หมายความว่า
การกราบแต่ละครั้ง ถ้าเราทำด้วยใจจริงแล้ว ใจเราจะไม่มีมานะ ไม่มีความถือตัวถือตน
เคยอ่านผ่านตาในหนังสืออีกเล่มหนึ่งของคุณดังตฤณแล้วจำได้ติดใจว่า
จุดที่หน้าผากจรดลงแทบพื้น นั่นคือ จุดที่ทิฏฐิมานะลดลงเหลือศูนย์
ได้อ่านที่คุณดังตฤณแจกแจงแล้ว จึงเข้าใจยิ่งขึ้นว่า
การที่เรายอมลงใจกราบใครได้ นั่นก็คือการยอมรับว่ามีใครบางคนเหนือกว่าเรา
มีพระคุณเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของเรา และในขณะที่เราแสดงความเคารพสูงสุดนั้นเอง
นอกจากจิตจะเป็นมหากุศลด้วยความรู้คุณ แล้ว
ยังเปิดรับกระแสความศักดิ์สิทธิ์เข้ามาเป็นส่วนประกอบของรัศมีจิตอีกด้วย
คือ กายยิ่งค้อมลงต่ำต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงใด ใจก็ยิ่งผ่องแผ้วไร้มลทินมากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าบุคคลที่เรากราบ คือ "ครูที่รู้จริงที่สุดในโลก"
ก็แปลว่าใจเรายอมรับบุคคลเช่นนี้ไว้เป็นครู และนั่นก็จะเป็นหลักประกันว่า
แม้ตายแล้วจะต้องเกิดใหม่อีกกี่ครั้ง เราก็จะได้พบกับครูที่ดีที่สุดเช่นนี้อีกจนได้
ซึ่งบรมครูผู้รู้จริงผู้นั้น ก็หมายถึง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นเอง
คงน่าเสียดาย ถ้าองค์พระอยู่ต่อหน้า แต่เรากราบเป็นแต่เพียงกิริยา
แต่ข้างในจิตใจกลับแห้งแล้ง กราบแบบฉาบฉวย ไม่มีความประณีตนุ่มนวล
และเพียงกราบตาม ๆ กันไป โดยไม่ทราบความหมายของการกราบอย่างแท้จริง
การรู้อยู่ก่อนว่า บุคคลที่เรากราบนั้น ทำประโยชน์กับโลกไว้เพียงใด จึงเป็นเรื่องสำคัญ
ยิ่งเราได้ประโยชน์จากคำสอนของท่าน ได้มีชีวิตที่พลิกผันไปในทางที่ดีขึ้นเจริญขึ้นเท่าไหร่
การกราบนั้น ก็จะยิ่งเป็นการกราบออกมาจากใจที่เคารพนอบน้อมอย่างแท้จริง
ด้วยกิริยาทางกายที่ประณีตงดงาม สอดคล้องกับความรู้สึกอันผ่องแผ้วภายในมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้แล้ว ผู้ที่มีการอภิวาทเช่นนี้เป็นนิสัย ยังมีผลให้เป็นผู้ที่ได้ไปเกิดในตระกูลสูง
มีความสุข ใจไม่เร่าร้อนฟุ้งซ่านด้วยความกระด้าง และเป็นผู้ที่ไม่ถูกข่มเหงโดยง่ายอีกด้วย
สิ่งที่คุณดังตฤณได้เขียนย้ำไว้สำหรับการกราบพระปฏิมาทุกครั้งก็คือ
"ขอให้จำคำสำคัญนี้ไว้ดี ๆ ว่า ใจต้องนอบน้อมเคารพ
ตัววัดง่าย ๆ คือกราบแล้วเกิดความรู้สึกว่าตัวคุณเล็กลง จิตใจอ่อนโยนเยือกเย็น หรือกระทั่ง
เกิดความซาบซึ้งโสมนัสแบบไม่แกล้ง นั่นแหละผลของการกราบด้วยความนอบน้อมเคารพ..."
ขั้นตอนการกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์
ขั้นตอนการกราบมีทั้งหมด 3 ขั้นตอนหลัก คือ
อัญชลี: การพนมมือไว้ระหว่างอก
วันทา: การพนมมือจรดศีรษะ
อภิวาท: การก้มลงกราบ
มีที่แตกต่างกัน 2 แบบ คือ
สำหรับผู้ชาย เรียกว่า
ท่าเทพบุตร
ผู้หญิง เรียกว่า ท่าเทพธิดา
ขั้นตอนที่ 1 ท่านั่ง
ท่านชาย |
ท่านหญิง |
1. นั่งชันเข่า
2.
ระหว่างเข่าห่างประมาณ 1 ฝ่ามือ
3. นั่งหลังตรง |
1. นั่งคุกเข่ีาราบ
2.
ระหว่างเข่าห่างประมาณ 1 ฝ่ามือ
3. นั่งหลังตรง
|
|
|
......................................................................................................... |
|
|
ขั้นตอนที่ 2 ท่าอัญชลี
ท่านชาย และท่านหญิง
1. นำมือทั้ง 2 มาพนมบริเวณหน้าอก
ทำมุมเฉียง 45 องศา
2. มือทั้ง 2 ข้าง อูมเพียงเล็กน้อย
ไม่มากจนดูกลม หรือ แฟบจนดูแบน
เป็นสัญลักษณ์ของดอกบัวที่ใช้บูชาพระ
3. นิ้วทั้ง 5
เรียงชิดติดกัน |
|
|
|
|
......................................................................................................... |
ขั้นตอนที่ 3 วันทา
ท่านชายและท่านหญิง
1. นำมือจรดศีรษะโดย นิ้วชี้จรดประมาณจอนผม
นิ้วโป้งจรดประมาณหัวคิ้ว
2. ถ้าเป็นฝ่ายชายตั้งตรง
ฝ่ายหญิงค้อมคอลงเล็กน้อยพอประมาณ
3. จังหวะที่ใช้ท่าวันทานี้
หากใช้ขณะสวดมนต์ จะรอจนจบบทนั้นๆ เสร็จก่อนจึงค่อยวันทา
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อ สวดมนต์บูชาพระก็จะรอจนจบ "พุทธัง ภะคะวันตัง
อภิวาเทมิ" ก่อน จึงค่อยวันทา แล้วเข้่าสู่ขั้นตอนที่ 4
ต่อไป |
|
|
|
|
......................................................................................................... |
ขั้นตอนที่ 4 อภิวาท
ท่านชายและท่านหญิง
1. กราบโดยอวัยวะทั้ง 5
ส่วนสัมผัสกับพื้นได้แก่ ฝ่ามือทั้ง 2 ข้อศอก 2 หน้าผาก 1
2.
ความห่างระหว่างฝ่ามือทั้ง 2 เท่ากับความกว้างของบริเวณหน้าผาก
ไม่กว้าง หรือไม่แคบจนเกินไป |
ท่านชา่ย
ข้อศอกต่อเข่า |
ท่านหญิง
ข้อศอกแนบเข่า |
3.
อยู่ในท่าค้างนับประมาณ 3 วินาที (ช่างภาพมักจะเก็บภาพในจังหวะนี้)
จึงค่อยขึ้นมาอยู่ในท่าอัญชลีเหมือนเดิม
4. เมื่อกราบครบ 3 ครั้ง
จึงค่อยค้อมศีรษะลงเล็กน้อยแล้วจบด้วยท่าวันทา
ถือเป็นการเสร็จแบบอย่างการกราบที่สมบูรณ์ |
|
|
......................................................................................................... |
ข้อควรทราบ
1.
ในขณะที่อยู่ในพิธีกรรมซึ่งเป็นการประชุมสงฆ์จำนวนมาก
พระภิกษุทุกรูปต้องมีความพร้อมเพรียงกันในการกราบ
เพื่อให้เป็นต้นแบบและเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของสาธุชน
ถือได้ว่าเป็นความรับผิดชอบของหมู่คณะ
ในการกราบให้มีความพร้อมเพรียงกันได้นั้น
พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณได้เมตตาแนะนำไว้ว่า ให้ ลืมตากราบ
สังเกตจังหวะการกราบ ของพระภิกษุรูปข้าง ๆ และ
กราบตามการให้สัญญาณของพิธีกร ไม่ควรหลับตากราบ
เพราะจะเป็นเหตุแห่งการกราบไม่พร้อมเพรียงกัน
2. การกราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง
มีจุดมุ่งหมายว่า ครั้งที่ ๑ เป็นการระลึกถึงคุณของพระพุทธ ครั้งที่ ๒
ระลึกถึงคุณของพระธรรม ครั้งที่ ๓ ระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ เรียกว่า
ยิ่งกราบยิ่งมีปัญญา
การกราบพระ จึงเป็นมากกว่าการเป็นแต่เพียงกิริยาทางพิธี สามารถเปลี่ยนใจอันฟุ้งซ่าน
ให้สงบเยือกเย็นลงได้ และมีใจอันพร้อมที่จะน้อมรับธรรมอันตรงจากพระพุทธเจ้า
ยิ่งถ้าเราเป็นผู้ไม่ละเลยคำสอนของท่าน เพียรปฏิบัติตนตามทางที่ท่านชี้แนะ
จนได้ผลเป็นทุกข์ที่น้อยลง ประจักษ์แจ้งแก่ตนเองได้จริงด้วยแล้ว
เราจะรู้สึกอยากกราบท่านออกมาจากใจอันเคารพนบน้อมเหนือเศียรเกล้าเลยทีเดียว
ดังนั้น เมื่อรู้อย่างนี้ ทุกครั้งที่มีโอกาสได้กราบพระ อย่าลืมกราบท่านออกมาจากภายในกันนะ คิดไว้ว่า
หนึ่งครั้งที่มีโอกาสได้กราบพระ คือหนึ่งโอกาสที่ได้เข้าเฝ้า และก้มกราบ
องค์สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้า อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์จริง ๆ
เป็นมงคลง่าย ๆ ที่เริ่มต้นได้จากห้องพระในบ้าน และทุกที่อันเป็นมงคลสถานตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
|
|